ค่าระวางเรือพุ่ง 300% ส่งออกอาหารยังลุ้น 1 ล้านล้าน
การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือที่ยังสูง รวมถึงค่าภาระตู้เปล่าที่นำเข้ามาใส่สินค้ายังเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าอาหารของไทยที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านล้านบาทจะไปถึงดวงดาวหรือไม่
ปี 2563 ไทยส่งออกสินค้าอาหารมูลค่า 980,703 ล้านบาท หดตัวลง 4.1% ส่วนแบ่งในตลาดโลกลดลงเหลือ 2.32 % จาก 2.49% ในปี 2562 ส่งผลให้ไทยหล่นมาเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 13 ของโลก จากอันดับที่ 11 ในปีก่อน โดยเป็นผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำเศรษฐกิจ การค้าโลกหดตัว การแข็งค่าของเงินบาท ภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และต้นทุนขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะปี 2564 สามองค์กรด้านอุตสาหกรรมอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตั้งเป้าหมายการขยายตัวการส่งออกอาหารที่ 7.1% มูลค่า1.05 ล้านล้านบาท
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์อาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์กับทิศทางอนาคตการส่งออกอาหารของไทย หลังผ่านพ้นมา 5 เดือนของปี 2564-ส่งออกอาหารปีนี้เป้า 1 ล้านล้านบาทมองว่าจะไปถึงหรือไม่ ก็ใกล้เคียงครับ เนื่องจากมีตัวลด-ตัวเพิ่มขึ้นมา เพียงแต่สิ่งเรากังวลที่สุดในตอนนี้คือก็คือเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ เพราะสินค้าเกษตรและอาหารเราจะแตกต่างจากสินค้าอุตสาหกรรมพอสมควร ตรงที่มูลค่าสินค้าเราต่ำกว่ามาก และมูลค่าสินค้าจะไปใกล้เคียงกับค่าระวางเรือ(Freight / ค่าเฟรท) ที่ไปต่างประเทศ ก็เลยทำให้ผู้ซื้อปลายทางบางรายก็มีการชะลอ บอกอย่าเพิ่งส่งมานะ ค่าเฟรทเมื่อบวกเข้าไปแล้ว เขาทำตลาดไม่ได้ เพราะค่าเฟรทที่ค้าขายกันมาหลายสิบปีเราซื้อขายกันแบบ FOB คือ เราแค่เอาของขึ้นเรือทางฝั่งไทย หลังจากนั้น Cost เป็นของผู้นำเข้าทั้งหมด “ครั้งนี้พอมันเป็นแบบนี้ปุ๊บ แรก ๆ เราดูเหมือนจะไม่เจ็บตัวมากนัก แต่ตอนหลังค่าเฟรทที่มันแพงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มมีผลเชิงที่ปลายทางบวกราคา(ค่าเฟรท)ปุ๊บมันขายยาก บางรายก็ขอความช่วยเหลือมายังผู้ผลิตเรา ก็ช่วยกันแบ่งเบาภาระต้นทุน รายไหนที่บอกว่าอย่าชะลอออเดอร์เลย เพราะสต๊อกเราล้น เราผลิตให้คุณแล้ว บางรายอาจจำเป็นต้องยอม เราช่วยค่าเฟรทบางส่วนก็มี แต่หากเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย เพราะกลายเป็นว่าเงินไปจมค่าเฟรทอย่างเดียว”